⛰????⛅️✨?
สถานที่สวยงามราวกับภาพวาดแห่งนี้คือคามิโคจิ (Kamikochi) ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติจูบุซังกะคุภายในจังหวัดนากาโน่ ในแต่ละปีที่นี่จะมีผู้คนทั้งคนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวทั่วโลกจำนวนมากถึง 1,200,000 คนและทุกคนต่างอยากมาเห็นวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติแสนวิเศษของญี่ปุ่นจากที่นี่ทั้งในฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และตอนที่เข้าฤดูหนาว ยอดเขายะเกะที่มีหมวกหิมะปกคลุมในเดือนพฤศจิกายนก็สวยงามตราตรึงใจมากๆ
?
อย่างที่บอกไปว่าที่นี่ในแต่ละฤดูก็ล้วนมีความสวยงาม อย่างเช่นในฤดูร้อนก็มีกิจกรรมกลางแจ้งเป็นการเดินป่าเพื่อชมธรรมชาติของคามิโคจิ เป็นระยะทางสั้นๆ ที่แม้แต่นักเดินป่ามือใหม่ก็สามารถเข้าร่วมทริปนี้ได้ โดยเส้นทางแนะนำคือเส้นทางบึงไทโช-บึงเมียวจิน (Taisho Pond –Myojin Pond Course) ใช้เวลา 4 – 5 ชั่วโมงแบบเพลินๆ เสน่ห์ของที่นี่คือสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาโฮตากะ (Hotaka) และยอดเขายะเคะ (Yakedake) ได้ด้วยตาเปล่า
?
การไม่อนุญาตให้ขับรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปจริงจัง ต้องใช้บริการรถสาธารณะเท่านั้น เพราะต้องการจะอนุรักษ์ธรรมชาติอันสมบูรณ์นี้ไว้ ทำให้นอกจากจะมีความสวยงามแล้วยังมีอากาศดีตลอดทั้งปีด้วยค่ะ จุดท่องเที่ยวแนะนำ เริ่มตั้งแต่สะพานคัปปะ (Kappa Bridge) ก็มีจุดพักผ่อนรวมถึงห้องน้ำไว้ให้บริการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะก่อนเริ่มต้นออกเดินเที่ยว และสามารถเป็นจุดผ่อนคลาย หลังจากการเดินเที่ยวไปรอบๆ บริเวณแล้ว
?
คามิโคจิเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถมาเที่ยวได้ทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับและสามารถไปพักแรมโดยการตั้งแคมป์ตามจุดต่างๆ หรือโรงแรมหรูก็มีให้เลือก สิ่งที่น่าสนใจคือ คุณสามารถเพลิดเพลินกับความเงียบสงบในยามค่ำคืน ดวงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า อากาศบริสุทธิ์บนความสูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การเดินทางที่คุณจะไม่มีวันลืมเชียวล่ะ อย่าพลาดข้าวกล่องที่โรงแรม Kamikochi Lemeiesta จัดให้ นอกจากจะสวยงามแล้วยังครบถ้วนด้วยสารอาหาร และวัตถุดิบชั้นเลิศในแถบชินชูแห่งนี้ แนะนำเลยค่ะ
?
คามิโคจิ เปิดให้เข้าได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน ถึง วันที่ 15 พฤศจิกายนของทุกปีเท่านั้นนะคะ หากวางแผนล่วงหน้าทริปคามิโคจินี้จะต้องสร้างความประทับใจให้คุณอย่างแน่นอน
?
การเดินทาง : จากตัวเมืองมัตสึโมโต้เป็นเมืองที่สำคัญในการตั้งต้นเดินทางไปคามิโคจิ จากสถานี JR มัตสึโมโต้ ให้นั่งรถไฟสายคามิโคจิ เป็นเวลา 30 นาทีไปลงที่ปลายทางสถานีชินชิมะชิมะ (Shin-Shimashima) หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปนั่งรถบัสต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะถึง
.
